วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน(Problem–based Learning: PBL)


เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 1



การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน(Problembased Learning: PBL)

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ไพศาล สุวรรณน้อย
รองผู้อ านวยการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายวิชาการ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น



แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ที่เป็นพื้นฐานของ PBL

แนวคิดในเรื่องของการเรียนรู้ ที่นักจิตวิทยาทางการศึกษา น ามาเป็นประเด็นในการถกเถียงกัน อยู่2 กลุ่มคือ

1.   กลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้เชิงพฤติกรรมนิยมBehaviorist( learning theory) ในกลุ่มนี้เชื่อว่า ความรู้มีอยู่มากมายในโลก แต่ความรู้ที่สามารถถ่ายโยงมายังผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรมนั้นมีเพียงเล็กน้อยการ เรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองนักจิตวิทยาที่ได้รับการยอมรับกัน ในกลุ่มนี้คือสกินเนอร์Skinner)(

2.  กลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้เชิงพุทธิปัญญานิยมCognitive learning( theory) มีความเชื่อว่า
ความรู้เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างที่มีลักษณะเฉพาะparticularstructure)( กับสิ่งแวดล้อมทาง

จิตวิทยาpsychological( environment) ของผู้เรียนแต่ละบุคคลการเรียนรู้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้ ปรับเปลี่ยนโลกภายในของตน โดยอาศัยกระบวนการปฏิสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับความรู้ใหม่เข้าไปในสม หรือจากการปรับเปลี่ยนความรู้เก่าให้เข้ากับความรู้ใหม่นักจิตวิทยาที่ได้รับการยอมรับแนวคิดมากที่สุดใน กลุ่มนี้คือ เพียเจท์Piaget)(

ในปี ค.ศ1990. สหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้ทศวรรษต่อไปเป็นทศวรรษของสมองและทศวรรษของ

การศึกษา(The decade of brain and the decade of education) เนื่องมาจาก ผลการค้นคว้าวิจัย เรื่อง สมอง ท าให้นักการู้ว่าศึกษ สมองมนุษย์มีลักษณะเฉพาะเป็นแหล่งเก็บ เป็นแหล่งก าเนิดของพฤติกรรม เป็นอวัยวะที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุด ในร่างกายมสมองของคนเราสามารถรับเรื่องราวที่เกิดจากุษย์ การเรียนรู้ ได้ทุกอย่างreceive( all education) และด้วยความแตกต่างกันของสมองส่งผลให้คนเรามี ลักษณะของการเรียนรู้Learning( style) ที่แตกต่างกันจึงท าให้วิธีการเรียนรู้ของมนุษย์แต่ละคนมีความ แตกต่างกันไป
นอกจากการค้นคว้าในเรื่องสมองแล้ว สหรัฐอเมริกายังได้มีการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อ
และวิสัยทัศน์ของหลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียนในศตวรรษที่21ใช้กลุ่มตัวอย่าง150คน จากหลากหลาย
อาชีพ เช่น นักธุรกิจระดับชาติผู้นาทางการศึกษา และตัวแทนจากรัฐบาลเครื่องมือวิจัยส าหรับโครงการนี้

คือการใช้เทคนิคDelphi ในการศึกษา ระยะเวลาในการวิจัย3ปี ในรายงานส่วนหนึ่งของวิลสันWilson,( 1991) สรุปไว้ว่ากรเตรียมนักเรียนให้พร้อมที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตมีความจ าเป็นที่ จะต้องปลูกฝังให้นักเรียนมีทักษะการคิดแบบวิจารณญาณ และมีทักษะในกานักเรียนต้องสามารถตัดสินใจ เข้าถึงข้อมูลและสามารถปรับแปลงข้อมูลเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาได้โดยนักเรียนต้องมีลักษณะกล้าเสี่ยงเป็น




Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 2


นักส ารวจและเป็นนักคิดที่รู้จักให้ความร่วมมือกับผู้อื่น รวมทั้งต้องมีการบูรณาการหลักสูตรเพ กิจกรรมแบบสหวิทยาการInter( disciplinary activity) ด้วย

ต่อมาได้มีทฤษฎีการเรียนรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายทฤษฎีทฤษฎีการเรียนรู้ที่นักการศึกษาส่วนใหญ่ให้ ความสนใจกันมากได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์นิยมConstructivist( learning theory) ซึ่งมี แนวคิดที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาในศตวรรษ21มากที่สุดซึ่งในกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้จะ เกิดขึ้น เมื่อผู้เรียนได้สร้างความรู้ที่เป็นของตนเองขึ้นมาที่มีอยู่เดิมหรือจากความรู้ที่รับเข้ามา ใหม่ จากแนวคิดดังกล่าวจึงน าไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีเรียน วิธีสอน แนวใหม่ 21ห้องเรียนในศตวรรษทครู ไม่ใช่ผู้จัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้เรียนต้องได้ลงมือปฏิบัติเองสร้างความรู้ที่เกิดจากความเข้าใจของตนเอง และ มีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น(Active learning) รูปแบบการเรียนรู้ ที่เกิดจากแนวคิดนี้ มีอยู่หลาย

รูปแบบ ได้แก่การเรียนรู้แบบร่วมมือCooperative( learning) การเรียนรู้แบบช่วยเหลือกัน (Collaborative learning) การเรียนรู้โดยการค้นคว้าอย่างอิสระIndependent investigation method) รวมทั้งการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานProblem(-based learning)

ในช่วงแรกของศตวรรษที่20 จอห์นดิวอี้John( Dewey) นักการศึกษาชาวอเมริกันซึ่งเป็น ผู้คิดค้น วิธีสอนแบบแก้ปัญหาและเป็นผู้เสนอแนวคิดที่ว่าการเรียนรู้เกิดจากการปฏิบัติ หรือ ได้ลงมือ

กระท า ด้วยตนเองLearning( by doing) จากแนวคิดนี้ ได้น าไปสู่แนวคิดของการสอนในรูปแบบต่าง ๆดังที่ ใช้กันอยู่ในปัจจุบันแนวคิดของPBL ก็มีรากฐานมาจากแนวคิดของ ดิวอี้ เช่นเดียวกัน
PBL มีการพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพFaculty( of Health Sciences) ของ
มหาวิทยาลัยMcMaster ที่ประเทศแคนาดา ได้ถูกน ามาใช้ในกระบวนการติวtutorial process)( ให้กับ
นักศึกษาแพทย์ฝึกหัดวิธีการดังกล่าว ต่อมาได้กลายเป็นการเรียนรูู้ปแบบ(Learning model) ที่ท าให้
มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาน าไปเป็นแบบอย่างในการจัดการเรียนรู้ โดยเริ่มจากปลายปี.1950ค.ศ
มหาวิทยาลัยCase Western Reserve     ได้น ามาใช้เป็นแห่งแรกและได้จัดตั้งห้องทดลอง พหุวิทยาการ
(Multi-disciplinary Laboratory) เพื่อท าเป็นห้องปฏิบัติการส าหรับทดลองรูปแบบการสอนใหม่ ๆ
การสอนที่มหาวิทยาลัยCase Western Reserve พัฒนาขึ้นมานั้นได้กลายมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนา
หลักสูตรของโรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ทั้งในระดับมัธยมศึกษาระดับอุดมศึกษาและบัณฑิต
วิทยาลัย

ในช่วงปลายทศวรรษที่60 มหาวิทยาลัยMcMaster ได้พัฒนาหลักสูตรแพทย์ที่ใช้PBL ในการ สอนเป็นครั้งแรกท าให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นที่ยอมรับและรู้จักกันทั่วโลกว่าPBL(worldเป็นผู้น าทางด้า class leader) โรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นHarvardMedical School และ Michigan State

University, College of Human Medicine ก็ได้น ารูปแบบPBL ไปใช้ จึงท าให้โรงเรียนแพทย์ใน มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ให้การยอมรับรูปแบบPBL ในการสอนมากขึ้น จนกระทั่งกลางปี ค1980.ศ. เทคนิคการสอนโดยใช้รูปแบบPBL ได้เริ่มขยายออกไปสู่การสอนในสาขาอื่นเช่นวิศวกรรมศาสตร์ๆ
วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ภาษาศาสตร์ สังคมศาสตร์พฤติกรรมศาสตร์เป็นต้น PBL จึงเป็นที่นิยม

กันแพร่หลาย และมีการน าไปใช้สอนตามมหาวิทยาลัยต่าง ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่นๆมากขึ้นPBLไปใช้า ในการเรียนการสอนอาทิเช่นHarvard, New Mexico, Bowman Gray, Boston, Illinois, Southern Illinois, Michigan State, Tufts, Mercer, Southern Illinois, Stamford, Northwestern, Indiana and the University of Illinois, University of Hawaii, University of Missouri Columbia, University of Texas Houston, University of California Irvine, University of Pittsburgh,


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 3

University of Delaware,   เป็นต้น

นอกจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแล้วิทยาลัยของประเทศแทบทุกส่วนของโลกก็ให้ ความสนใจในการน ารูปแบบPBL ไปใช้สอน เช่น มหาวิทยาลัยMaastricht ที่เนเธอร์แลนด์,มหาวิทยาลัย Newcastle, Monash, Melbourne ที่ออสเตรเลีย,มหาวิทยาลัยAalborg ที่เดนมาร์ค,มหาวิทยาลัยใน ประเทศแคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศสฟินแลนด์อัฟริกาใต้สวีเดนฮ่องกงสิงคโปร์เป็นต้นความนิยมPBL ในการสอนที่ต่างประเทศนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนจากการเชื่อมโยงเครือข่ายการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย ต่างๆ ที่ใช้PBL ในการสอนเหมือนกันทางอินเตอร์เน็ทและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์E-mail) ( โดยมีการ เผยแพร่ทั้งต เอกสารารา และบทความจ านวนมาก มีผลงานวิจัยที่เผยแพร่เฉพาะส่วนบทคัดย่อและ งานวิจัยทั้งฉบับเป็นร้อโดเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นผลการวิจัยทางสาขาแพทย์มากที่สุดมีวารสารเฉพาะชื่อ

The Journal of Clinical Problem - based Learning มีการจัดตั้งศูนย์เพื่อการวิจัยและการเรียนการ สอน (The Center for Problem-based Learning)

    าหรับในประเทศไทยนั้นปัจจุบันการสอนโดยใช้รูปแบบPBL ในการสอนทั้งระดับการศึกษาขั้น พื้นฐานและระดับอุดมศึกษาเป็นที่นิยมกันมากขึ้น มีงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ที่เรียกว่าการวิจ ชั้นเรียนที่ใช้PBLมากมาย มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ส่งเสริมและได้ทดลองน าไปใช้แล วเช่นจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์รวมถึงมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งเฉพาะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีการโดย

พัฒนารูปแบบPBL ในการสอนร่วมกับ ผู้สอนจากมหาวิทยาลัยStanford และ Vanderbuilt ส าหรับผู้เขียน เองได้ทดลองใช้รูปแบบPBL ในการสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษาคณะ

ศึกษาศาสตร์หาวิทยาลัยขอนแก่นมพบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการทางความคิด อย่างหลากหลายส่งผลให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เป็นที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรผลิตครูวิทยาศาสตร์

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานคืออะไร

เมื่อดูจากค าศัพท์Problembased Learning ก็คือ วิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่มีรูปแบบการ เรียนรู้ โดยการน าปัญหามาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานProblem(-based learning หรือPBL) เป็นรูปแบบการ

เรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์นิยมConstructivism)( โดยให้ผู้เรียนสร้าง ความรู้ใหม่ จากการใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโลกเป็นบริบทของ ารเรียนรู้(Learning Context) เพื่อให้ผู้เรียน เกิดทักษะในการคิดวิเคราะห์และคิดแก้ปัญหารวมทั้งได้ความรู้ตามศาสตร์ในสาขาวิชาที่ตนศึกษา ไปพร้อม กันด้วยการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานจึงเป็นผลมาจากกระบวนการท างานที่ต้องอาศัยความเข้าใจและกา แก้ไขปัญหาเป็นหลักถ้ามองในแง่ของยุทธศาสตร์การสอนPBL เป็นเทคนิคการสอน ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ลง มือปฏิบัติด้วยตนเองเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตนเองจะทาให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในการคิดหลายรูปแบบ เช่น การคิดวิจารณญาณ คิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ

หลายท่านอาจมีความสงสัยว่าการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน(PBL)และการเรียนรู้เพื่อการ แก้ปัญหา(problem solving learning) ต่างกันอย่างไรความแตกต่างที่ชัดเจนคือการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เป็นฐานจะเน้นที่การกหนดสิ่งที่จะเรียนรู้และกระบวนการค้นคว้าหาความรู้ใหม่เพื่ออธิบายปัญหาที่พส่วน การเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาจะเน้นที่การประยุกต์ใช้ความรู้ที่มีอยู่และตัดสินใจทางเลือกที่เหมาะสมสหรับก


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 4


แก้ปัญหานั้นๆจะเห็นว่าการเรียนรู้ทั้งสองแบบไม่ใช่เป็นสิ่งเดียวกันแต่จะมีความสัมพันธ์กันและเป็น กระบวนการที่ต่อเนื่องกัน

ลักษณะส าคัญของการเรียนรู้แบบPBL
รูปแบบของการจัดการเรียนรู้แบบการใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือPBL มีลักษณะส าคัญดังนี้
1.  ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนจริงู้อย่างแท้student(-centered learning)
2.  จัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยให้มีจๆ านวนกลุ่มละปร มาณ 58 คน
3.  ผู้สอนท าหน้าที่ เป็นผู้อ านวยความสะดวกfacilitator)( หรือผู้ให้ค าแนะน(guide)
4.  ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นเร้า)ให้เกิดการเรียนรู้(สิ่ง

5.  ลักษณะของปัญหาที่น ามาใช้ ต้องมีลักษณะคลุมเครือไม่ชัดเจนมีวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่าง หลากหลาย อาจมีค าตอบได้หลายค าตอบ

6.  ผู้เรียนเป็นผู้แก้ปัญหาโดยการแสวงหาข้อมูลใหม่selfๆด้วยตนเอง-directedlearning)(

7.การประเมินผลใช้การประเมินผลจากสถานการณ์จริง(authentic assessment) ดูจาก ความสามารถในการปฏิบัติของผู้เรียนในขณะท ากิจกรรมการเรียนรู้(Learning process) และพิจารณาจาก ผลงานที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้(Learning product)

รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน(Problembased Learning: PBL)

จากการศึกษาผลงานวิจัยด้านพัฒนาการเรียนสอนที่ใช้PBLทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและ ระดับอุดมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่อาศัยลักษณะส าคัญของการจัดการเรียนรู้แบบPBLเป็น กรอบในการออกแบบขั้นตอนการจัดการเรียนรู้พบว่ามีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่แตกต่างกันตาม ขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรู้เริ่มจากรูปแบบพื้นฐานที่มี7ขั้นตอนหลัก แล้วมีการปรับขยายหรือเพิ่ม

ขั้นตอนกิจกรรมการเรียนรู้จนมีถึง11ในที่นี้ขอเสนอ 4 รูปแบบคือ แบบ7, 9, 10 และ 11 ขั้นตอน เพื่อให้ศึกษาความแตกต่างของแต่ละรูปแบบจะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับระดับของผู้เรียนและลักษณะเฉพาะ ของเนื้อหาวิชาที่จะจัดการเรียนรู้ด้วยPBL

รูปแบบที่1แบบ 7 ขั้นตอน
ลักษณะส าคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
1. Clarifying unfamiliar terms

กลุ่มผู้เรียนท าความเข้าใจค าศัพท์รากฏข้ความที่ปยู่ในปัญหาให้ชัดเจน โดยอาศัยความรู้ พื้นฐานของสมาชิกในกลุ่มหรือการศึกษาค้นคว้าจากเอกสารต าราหรือสื่ออื่นๆ
2. Problem definition

กลุ่มผู้เรียนระบุปัญหาหรือข้อมูลส าคัญร่วมกัน โดยทุกคนในกลุ่มเข้าใจปัญหา เหตุการ ปรากฏการณ์ใดที่กล่าวถึงในปัญหานั้น
3. Brainstorm





Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 5


กลุ่มผู้เรียนระดมสมองวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ และหาเหตุผลมาอธิบาย โดยอาศัยความรู้เดิมขอ สมาชิกกลุ่ม เป็นการช่วยกันคิดอย่างมีเหตุมีผล สรุปรวบรวมความรู้และแนวคิดของกลุ่มเกี่ย กลไกการเกิดปัญหา เพื่อน าไปสู่การสร้างสมมติฐานที่สมเหตุสมผลเพื่อใช้แก้ปัญหานั้น
4. Analyzing the problem

กลุ่มผู้เรียนอธิบายและตั้งสมมติฐานที่เชื่อมโยงกันกับปัญหาตามที่ได้ระดมสมองกัน แล วิเคราะห์มาจัดล าดับความส าคัญ โดยใช้พื้นฐานความรู้เดิมของผู้เรียน การแสดงความคิดอย่า เหตุผล

5. Formulating learning issues

กลุ่มผู้เรียนก าหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อค้นหาข้อมูลที่จะอธิบายผลการวิเคราะ ผู้เรียนสามารถบอกได้ว่าความรู้ส่วนใดรู้แล้ว ส่วนใดต้องกลับไปทบทวน ส่วนใดยังไม่รู้หรือ ไปค้นคว้าเพิ่มเติม

6. Self-study

ผู้เรียนค้นคว้ารวบรวมสารสนเทศจากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ด้วยตนเอง Self(-directed learning)
7. Reporting

จากรายงานข้อมูลสารสนเทศใหม่ที่ได้เข้ามา กลุ่มผู้เรียนน ามาอภิปราย วิเคราะห์ สังเคราะ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ แล้วน ามาสรุปเป็นหลักการและแนวทางเพื่อน าไปใช้โอกาสต่อไป

การน ารูปแบบ7 ขั้นตอนนี้ ไปใช้บางท่านเสนอแนะว่า อาจจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอน ตามล าดับขั้นที่ไม่ซับซ้อนก็ได้ดังนี้

1.   เมื่อผู้เรียนได้รับโจทย์ปัญหาผู้เรียนจะทความเข้าใจหรือท าความกระจ่างในคศัพท์ที่อยู่ในโจทย์า ปัญหานั้นเพื่อให้เข้าใจตรงกัน
2.   การจับประเด็นข้อมูลที่สคัญหรือระบุปัญหาในโจทย์

3.   ระดมสมองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาอภิปรายหาคอธิบายแต่ละประเด็นปัญหาว่าเป็นอย่างไรเกิดขึ้น ได้อย่างไรความเป็นมาอย่างไรโดยอาศัยพื้นความรู้เดิมเท่าที่ผู้เรียนมีอยู่

4.   ตั้งสมมติฐานเพื่อหาค ตอบของปัญหาประเด็นต่างๆพร้อมจัดล าดับความสคัญของสมมติฐานที่ เป็นไปได้อย่างมีเหตุผล

5.   จากสมมติฐานที่ตั้งขึ้นผู้เรียนจะประเมินว่าเขามีความรู้เรื่องอะไรบ้างมีเรื่องอะไรที่ยังไม่รู้หรือ

ขาดความรู้อะไร และความรู้อะไรจเป็นที่จะต้องใช้เพื่อพิสูจน์สมมติฐานา ซึ่งเชื่อมโยงกับโจทย์ปัญหา ที่ได้ขั้นตอนนี้กลุ่มจะกหนดประเด็นการเรียนรู้(learning issue) หรือวัตถุประสงค์การเรียนรู้ (learning objective) เพื่อจะไปค้นคว้าหาข้อมูลต่อไป
6.   ผู้เรียนแต่ละคนค้นคว้าหาข้อมูลและศึกษาเพิ่มเติมจากทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆเช่หนังสือ

    รา วารสาร สื่อการเรียนสอนต่างๆการศึกษาในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ช่วยสินเทอร์เน็ต หรือปรึกษาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาสาขาเฉเป็นต้นาะร้อมทั้งประเมินความถูกต้อง

7. น ข้อมูลหรือความรู้ที่ได้มาสังเคราะห์อธิบายพิสูจน์สมมติฐานและประยุกต์ให้เหมาะสมกับโจทย์ ปัญหาพร้อมสรุปเป็นแนวคิดหรือหลักการทั่วไป



Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 6


โดยที่กิจกรรมการเรียนรู้ขั้นตอนที่1-5เป็นขั้นตอนที่ใช้กระบวนการกลุ่มในชั้นเรียนขั้นตอนที่6 เป็นกิจกรรมของผู้เรียนรายบุคคลนอกห้องเรียนและขั้ตอนที่7เป็นกิจกรรมที่กลับมาในกระบวชั้นกลุ่ม เรียนอีกครั้ง

รูปแบบที่2แบบ 9 ขั้นตอน
ลักษณะส าคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอนมีดังนี้

1.   อ่านสถานการณ์โดยละเอียดท าความเข้าใจกับค า และความหมายของค าในสถานการณ์ โดย อาศัยความรู้พื้นฐานของสมาชิกภายในกลุ่ม หรือเอกสาร ต ารา

2.   นิยามปัญหา หอะบุสถานการณ์ื โดยแสวงหาความคิดเห็นแบบระดมสมองอย่างมีเหตุผล และวิจารณญาณ

3.   วิเคราะห์ปัญหา หรือสถานการณ์ โดยแสวงหาความคิดเห็นแบบระดมสมองอย่างมีเหตุผล และวิจารณญาณ

4.     ตั้งสมมติฐาน โดยพยายามตั้งสมมติฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
5.   จัดล าดับความส าคัญของสมมติฐาน พิจารณาข้อยุติส าหรับสมมติฐานที่ปฏิเสธได้

6.  ก าหนดวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้จากสมมติฐาน ที่ได้เลือกไว้พิจารณาว่าต้องหาความรู อะไรบ้าง

7.   ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากภายนอกกลุ่ม เช่น เอกสาร ต ารา ผู้เชี่ยวชาญ
8.   สังเคราะห์ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากภายนอกกลุ่ม เช่น เอกสาร ต ารา ผู้เชี่ยวชาญ

9.   สรุปการเรียนรู้หลักการและแนวคิดจากการแก้ปัญหาโดยน าความรู้มาเสนอต่อสมาชิก





รูปแบบที่3แบบ 10 ขั้นตอน
ลักษณะส าคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
1.   ผู้เรียนเผชิญปัญหาที่คลุมเครือ

2.   ผู้เรียนถามค าถามในสิ่งที่สนใจจากสถานการณ์-โดยใช้IPF question ตัวอย่าง การใช้IPF question ในการเรียนรู้เรื่อง เซลมะเร็ง
I Interesting question เช่น
มีอะไรพิเศษในเซลล์ที่เป็นสาเหตุให้เชลล์เปลี่ยนไป

    าไมเซลล์จึงถูกก าหนดให้ตาย กลไกที่ใช้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเป็นอย่างไร
P- Puzzling question เช่น
อะไรเป็นสาเหตุให้เซลล์ตาย
อะไรเป็นสาเหตุให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากกว่าผู้อื่น

F- Important answers to find เช่น องค์ประกอบที่ส่งเสริมต่อการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายคืออะไร เราสามารถน าผลการวิจัยมาดูแลสุขภาพอย่างไร


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 7

ในการป้องกันโรคมะเร็งเราจะต้องควบคุมที่อะไร
3.   การด าเนินการค้นหา–เริ่มจากค าถามIPF

บทบาทครู- แนะน าวิธีการค้นปัญหา เช่น การเขียนปัญหา การใช้ค“ทาไม”าถามการเขียนแผนผังการ เชื่อมโยงสถานการณ์ต่างๆ

4.  เขียนแผนผังการค้นปัญหา และจัดล าดับความส าคัญ บทบาทครู- แนะน า อ านวยความสะดวก (แต่ไม่ตัดสินใจให้)

5.   การส ารวจปัญหา/สืบเสาะ–เพื่อช่วยก าหนดกลยุทธ์ของกลุ่ม

บทบาทครู– ครูจะวางระบบแผนงานโดยรวมอย่างไร สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มจะรับผิดชอบอะไรบ้าง บทบาทครู ใช้ค าถามแนะน าการสืบเสาะ

ตามที่กลุ่มได้ตัดสินใจใช้วิธีสัมภาษณ์ คุณจะสัมภาษณ์ใคร คุณจะพบผู้ให้สัมภาษณ์ได้อย่างไร ต้องการข้อมูลใดจากผู้ที่ให้สัมภาษณ์ คุณจะบันทึกอะไร

6.   การวิเคราะห์– ผู้เรียนรับผิดชอบต่อการวิเคราะห์ผล บทบาทครู

1.   ใช้ค าถามแนะน า เช่น
การเปรียบเทียบผลการสัมภาษณ์จะมีประโยชน์หรือไม่
คุณจะแสดงผลการเปรียบเทียบอย่างไร
2. แนะน าวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล

7. การเรียนรู้ซ้–เสนอสิ่งที่ได้เรียนรู้ต่อกันา เกิดความเข้าใจใหม่และน าไปใช้แก้ปัญหาและนิยามปัญ ชัดเจนไปเรียนรู้เพิ่ม

บทบาทครู– การใช้ค าถามให้คิดใคร่คราญ เช่น
ผลลัพธ์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาที่คุณส ารวจอย่างไร
ถ้าคุณไปส ารวจใหม่อีกครั้ง คุณจะท าอะไรที่แตกต่างจากเดิม ด้วยเหตุผลใด

8.  การสร้างแนวค าตอบและข้อแนะน– สร้างความรู้จากผลลัพธ์ที่ได้ บทบาทครู แนะน าวิธีการสร้างความรู้
ใช้ค าถาม“อย่างไร” ทุกครั้งที่ผู้เรียนเสนอแนวค าตอบ

แนะน าให้เสนอความรู้แบบต่างๆ เช่น การเชื่อมโยง โมเดล อุปมาอุปมัย แผนผังความคิด
9.   สื่อความหมายผลลัพธ์ที่ได้
บทบาทครู
เรื่องที่ค้นพบได้จากไหน
ได้ข้อสรุปอะไรบ้าง
ใครได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ และได้อะไร

10.  การประเมินผล-โดยครู ผู้เรียน และเพื่อน บทบาทครู

การประเมินปฏิบัติการ โดยประเมินการใช้ข้อมูลร่วมกัน การค้นหาและนิยามปัญหา การได้มาซึ่ ความรู้ การน าตนเอง ทักษะการเรียนแบบร่วมมือ และการแก้ปัญหา


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 8


ใช้การประเมินตามสภาพจริง โดยสร้างเกณฑ์การประเมิน(Rubric Scoring) เพื่อการประเมินการ อภิปราย การเขียนอนุทิน บันทึกการทดลอง การให้คะแนนตนเอง และการสัมภาษณ์

รูปแบบที่4แบบ 11 ขั้นตอน
ลักษณะส าคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
1.   จัดกลุ่มแนะน าสมาชิก
2.   ก าหนดวัตถุประสงค์
3.   ศึกษาปัญหาที่ได้รับ ขยายรายละเอียดของปัญหา
4.   ก าหนดประเด็น ประเด็นในการเรียนรู้

5.   ก าหนดวัตถุประสงค์ของแผนด าเนินการ
6.   ท าความตกลงกันในเรื่องของ ข้อมูลที่จะต้องศึกษา
7.   ก าหนดแหล่งเรียนรู้

8.   รวบรวมความรู้ที่ได้มาจากการค้นคว้าสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง
9.   ท าความเข้าใจซ้ าอีกกับความรู้ที่ได้รับใหม่
10.   เลือกวิธีในการแก้ปัญหา/ น าเสนอวิธีการแก้ปัญหา

11.   การประเมินผล

ผู้เรียนได้พัฒนาอะไรบ้างจากการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เมื่อพิจารณาจากแต่ละขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละรูปแบบ จะเห็นว่าผู้เรียนได้มีโอ

พัฒนาทั้งความรู้ในเนื้อหาวิชาและทักษะต่าง ๆ ที่เป็นเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา ซ สรุปได้ดังนี้

1.   ได้ความรู้ที่สอดคล้องกับบริบทจริงและสามารถนไปใช้ได้า

2.   พัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากย์(Critical Thinking) การคิดวิเคราะห์(Analytical Thinking) การ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล(Rational Thinking) การคิดสังเคราะห์(Synthetic Thinking) การคิด สร้างสรรค์(Creative Thinking) และน ไปสู่การคิดแก้ปัญหา(Problem Solving Thinking) ที่มี ประสิทธิผล

3.   ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองอย่ไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตงต่อเนื่อง(Life-long
learning) ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ส าคัญของบุคคลในศตวรรษที่21

4.   ผู้เรียนสามารถทงานและสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.   เป็นการสร้งแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน

6.   ความคงอยู่(retention) ของความรู้จะนานขึ้น


การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานจะสอดคล้องกับแนวคิดการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่(adultlearning) ซึ่ง ผู้เรียนจะกหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของตนเองเรียนรู้เมื่อสิ่งนั้นมีความหมายหรือนไปใช้ได้(เนื่องจาก โจทย์ปัญหาจะถูกใช้เป็นบริบทของการเรียนรู้)เรียนรู้ในสิ่งที่จหรับใช้แาเป็นสก้ปัญหามากกว่าจะเรียนเพื่อ


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 9


ท่องจ เรียนรู้ตามความถนัดและศักยภาพของตนเองและสามารถประเมินตนเองเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ และสิ่งที่เรียนรู้ได้

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานยังเป็นการตอบสนองต่อแนวคิดconstructivism โดยให้ผู้เรียน วิเคราะห์หรือตั้งคถามจากโจทย์ปัญหาผ่านกระบวนการคิดและสะท้อนกลับเน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน ในกลุ่มเน้นactive learning และ collaborative learning น ไปสู่การค้นคว้าหาคตอบหรือสร้างความรู้ ใหม่บนฐานความรู้เดิมที่ผู้เรียนมีมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานยังเป็นการสร้างเงื่อนไขสคัญที่ส่งเสริมการเรียนรู้ได้แก่

(1)  activation of prior knowledge การเรียนรู้สิ่งใหม่จะได้ผลถ้าได้มีการเชื่อมโยงหรือกระตุ้นความรู้ีขึ้น เดิมที่ผู้เรียนมีอยู่(2)encoding specificity การเรียนรู้เนื้อหาที่ใกล้เคียงสถานการณ์จริงหรือมีประสบการณ์

ตรง (จากโจทย์ปัญหา)จะท ให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดีขึ้นาและ(3)elaboration of knowledge เนื่องจากการ เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นการเรียนกลุ่มย่อยการได้แสดงออกแสดงความคิดเห็นหรืออภิปรายถกเถียง กันจะทให้ผู้เรียนเข้าใจและเรียนรู้สิ่งนั้นได้ดีขึ้น

จุดเด่นและข้อจของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานากัด

จากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมีจุดเด่นที่สคัญคือผู้เรียนจะมีทักษะในา การตั้งสมมติฐานและการให้เหตุผลดีขึ้นสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองงานเป็นกลุ่มและ สื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพความคงอยู่ของความรู้นานกว่าการเรียนแบบบรรยาย นอกจากนั้น บรรยากาศการเรียนรู้มีชีวิตชีวาจูงใจให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้มากขึ้นและยังส่งเสริมความร่วมมือและการทงาน า ร่วมกันระหว่างภาควิชาหรือหน่วยงาน

ข้อจกัดของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานซึ่งยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันได้แก่ครูมีความกังวลว่า ผู้เรียนจะมีความรู้น้อยลงความรู้ที่ได้รับจะไม่เป็นระบบความถูกต้องของเนื้อหาหรือข้อมูลที่ผู้เรียนไปค้นคว้ ศึกษามาตลอดจนครูต้องมีทักษะที่หลากหลายมากกว่าการสอนแบบบรรยายในส่วนของผู้เรียนจะกังวล เกี่ยวกับความถูกต้องของเนื้อหาไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองไปเรียนรู้มาถูกต้องหรือไม่ขอบเขตของการเรียนรู้ต้อง เรียนรู้มากน้อยเพียงไรรวมถึงความแตกต่างกันของครูหรือผู้สอนประจกลุ่มนอกจากนี้อาจยังมีข้อจกัด า เกี่ยวกับงบประมาณหรือสิ่งสนับสนุนที่ใช้จนวนครูการบริหารจัดการซึ่งต้องมีการประสานงานและร่วมมือ กันอย่างดีระหว่างภาควิชาและเวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน

ปัจจัยที่ส ผลต่อคุณภาพของการจัดการเรียนรู้แบบง PBL คุณภาพของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานจะขึ้นกับปัจจัยต่อไปนี้

1.   ความส คัญของเนื้อหาต้องเลือกเนื้อหาที่เป็นแกนหรือหลักการและสอดคล้องกับการนไปใช้ใน า สถานการณ์จริง

2.   คุณภาพของโจทย์ปัญหาต้องเลือกปัญหาที่พบบ่อยในสถานการณ์จริงและสร้างปัญหาให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ของหลักสูตรปัญหาที่ดีจะต้องน่าสนใจและกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถอภิปรายและเรียนลงไ ในระดับลึกจนเข้าใจแนวคิดของปัญหามากกว่าการท่องจสาม ารถเชื่อมโยงความรู้เดิมของผู้เรียนกับ ข้อมูลใหม่
3.   กระบวนกลุ่มทั้งครูและผู้เรียนต้องเข้าใจพลวัตรของกระบวนกบทบทของสรกลุ่มาชิกแต่ละคนในกลุ่ม กระบวนการกลุ่มที่ดีจะทให้การเรียนรู้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น


Problem-based Learning: PBL

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร บ ร ร ย า ย โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ก าร เ รีย น ก า ร ส อ น Page | 10


4.   บทบาทและทักษะของครูครูหรือผู้สอนยังมีบทบาทสคัญในกรเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานแต่จะ เปลี่ยนไปจากการสอนแบบบรรยายคือไม่ได้เป็นผู้เอาความรู้มาบอกแต่มีบทบาทที่ส าคัญในการออกแบบ กิจกรรมและบริหารจัดการให้ผู้เรียนได้ท ากิจกรรมการเรียนรู้ตามที่วางแผนไว้ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ พัฒนาวิธีการเรียนรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน

5.   การพัฒนาทักษะต่างๆของทั้งครูและผู้เรียนครูอาจไม่มั่นใจตนเองในการที่ต้องเป็นครูในวิชาที่ตนไม่ ช นาญ ครูจะต้องได้รับการพัฒนาและฝึกทักษะต่างๆของการเป็นครูประจกลุ่มาจะช่วยให้การเรียนการ สอนประสบความส เร็จมากขึ้นผู้เรียนก็จะต้องได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปั เป็นฐานและการเตรียมความพร้อมก่อนการเรียนแบบนี้

6.   ทรัพยากรการเรียนรู้เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ที่สคัญการเตรียมและจัดหาแหล่งทรัพยากร การเรียนรู้ที่หลากหลายพร้อมทั้งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจึงมีความจเป็นต่อกรเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

7.   การบริหารจัดการความร่วมมือและประสานงานกันระหว่างภาควิชาหรือหน่วยงานตลอดจการวางแผนที่ เหมาะสมจะท ให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ


เอกสารประกอบการเรียบเรียง

Barrows HS. Problem-Based Learning Applied to Medical Education. Rev Ed. Southern Illinois University School of Medicine, Springfield, Illinois, 2000

Duch BJ, Groh SE, Allen DE. The Power of Problem-Based Learning. Stylus Publishing, LLC, Virginia, 2001.

Schwartz P, Mennin S, Webb G. Problem-Based Learning. Case Studies, Experience and Practice. Kogan Page Ltd, London, 2001.

Savery, J. (1994). What is Problem-based learning? : http.//edweb.sdsu.edu/ Clirt/learningtree/PBL/PBLadvantages.html

Wilson, C. E. A. (1991). A Vision of a preferred curriculum for the 21st century: Action research in school administration:
http://www. Samford.edu/pbl

Woods, (1985). Problem-based learning and problem solving. In Russell Kenley (1995). “Problem Based Learning: within a traditional teaching environment” AUBEA conference, University of Technology Sydney, New South Wales.

Problem-Based Learning. The University of Western Australia: Issues of Teaching and Learning. (Vol. 2 June, 1996):

http://uwa.edu.au/csd/newsletter/issue0496/pbl.
What is Problem-based learning? : http://www.samford.edu/pbl
Problem-based Learning Theory. : http://www.usd.edu/~knorum/learningpapers/pbl.
Problem – based learning. : http: // socserv2.mcmaster.ca/soc/beehive/pbl.htm





















Problem-based Learning: PBL

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับบล็อก

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน The STUDIES Model โดย   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา ธงพานิ...